‘ฉันชาย สิทธิพันธุ์’ ย้ำห้าม ซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ทานเอง

‘ฉันชาย สิทธิพันธุ์’ ย้ำห้าม ซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ทานเอง

ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ออกโรงเตือนประชาชนหลัง อ.เจษฎา ซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ทานเอง ย้ำทำตามแพทย์ อย่าซื้อกินเอง หวั่นดื้อยา รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาแสดงความเห็นกรณีที่ อ.เจษฎา ซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ทานเอง เพื่อนำมาใช้ในครอบครัวหลังจากที่ครอบครัวติดโควิดแต่ไม่ใช่กลุ่ม 60+8 ทำให้ไม่ได้รับยาต้านไวรัส จนกลายเป็นกระแสก่อนหน้านี้นั้น

รศ.นพ.ฉันชาย พี่ชาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ระบุว่า ต้องทำตามข้อบ่งชี้ 

เป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ ยาไม่ได้มีเพียงพอกับทุกคน และทุกคนก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ยาเหมือนกันหมดทุกคน การใช้ยาโดยเฉพาะยาต้านไวรัสควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบจากยาภายหลัง การใช้ยาเกินจำเป็นนอกจากเกิดผลกระทบกับร่างกายแล้ว ยังเท่ากับเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาด้วย

กรณีการซื้อยากินเอง ไม่ควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นแพทย์ หรือมีความรู้เรื่องยา การเขียนข้อความต่างๆ เป็นการโพสต์แสดงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ความคิดเห็นของแพทย์ ดังนั้นประชาชนควรพิจารณาและเลือกเชื่อถือข้อมูลจากแพทย์เท่านั้น โอกาสในการดื้อยาเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นจึงไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ

ที่ผ่านมาทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการติดตามมอนิเตอร์ความคิดเห็นของ รศ.ดร.เจษฎา ทางเฟซบุ๊กมาโดยตลอด การโพสต์ข้อมูลต่างๆ โพสต์แสดงความคิดเห็นแบบส่วนตัว ไม่ได้มีการอ้างอิงตามวิชาการ ดังนั้นก็ไม่ควรนำมาเชื่อถือ ส่วนเรื่องกรณีนี้ทำให้มีการนำไปเป็นแบบอย่างและซื้อยาจากประเทศเพื่อนบ้านมาใช้หรือทำให้เกิดกระแสการหาซื้อยาในโลกออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ก็จะมีการนำเรื่องนี้ไปหารืออีกครั้งในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมียหลวง สุดใจกว้าง หาเมียน้อยให้ผัว 3 อัตรา พร้อมได้เงินเดือนด้วย คนแห่สมัครมาเพียบ ยันไม่ได้สร้างกระแสแต่อย่างใด ผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ natpattheema789 ได้โพสต์คลิปวิดีโอโดยบอกว่า ตนต้องการเปิดรับสมัครเมียน้อยให้สามี 3 อัตรา ซึ่งทุกคนต้องมาช่วยทำงานบ้านพร้อมมีเงินเดือนให้เดือนละ 15,000 บาท โดยสองคนแรกจะรับมาช่วยทำงานในบริษัทส่วนอีกคนเป็นแม่บ้าน

โดยเธอได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สามีของเธอค่อนข้างหน้าตาดี ส่วนเรื่องบนเตียงก็พอมีบ้างแล้วแต่อารมณ์ ผู้ที่สนใจเข้ามาสมัครขออายุ 30-35 ปี หน้าตาดีการศึกษาวุฒิ ม.6 เป็นพอ พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการทำร้ายตบตีอย่างแน่นอน

อย่างไรหลังจากวิดีโอได้ถูกเผยแพร่ไปได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้มีชาวเน็ตบางส่วนเข้ามาวิพากาย์วิจารณ์ในเรื่องของจริยธรรมต่างๆ โดย สามีและภรรยาบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์คิดได้ มีสิทธิ์ทำในสิ่งที่คิดว่าทำให้มีความสุข ไม่เดือดร้อนใคร

‘ทนายตั้ม’ เตือน ขอเครดิตแม่ค้า ระวัง ติดคุก 1 ปี ละเมิด PDPA

ทนายตั้ม โพสต์เตือนขาช็อปออนไลน์ ขอเครดิตแม่ค้า ระวัง ติดคุก 1 ปี เนื่องจากการเป็นการแปะรูปแปะชื่อโดยไม่ได้รับการอนุญาต ผิด PDPA ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก เตือน ขอเครดิตแม่ค้า อาจติดคุก 1 ปี เพราะถือเป็นการละเมิดกฎหมาย PDPA

ทนายตั้ม ระบุว่า “สิ่งที่น่ากลัวและต้องระวังให้มากของกฎหมาย PDPA คือการที่เราไปซื้อของในร้านค้าออนไลน์ แล้วถ้าเกิดอีกฝั่งไม่ส่งของให้ การไปโพสต์ถามหรือขอเครดิตในกลุ่มโดยแปะชื่อ และรูปภาพของคู่กรณีถือว่าละเมิดในการเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

ระวังกันด้วยนะครับ มีคนนำเรื่องนี้มาปรึกษา และร้านค้าที่ส่งช้า มีการแจ้งความดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังไงระมัดระวังในการสั่งของออนไลน์กันด้วย พลาด ถูกโกงขึ้นมาลูกค้าเสียเปรียบ เอาผิดก็ยาก โทษสูงสุดของ พ.ร.บ PDPA จำคุกสูงสุด 1 ปีปรับ 5 ล้าน+ เลยนะครับ”

รอง ผบช.น. ไขข้อข้องใจและแจ้งข้อหา ประมาทร่วม แกร็บและมอเตอร์ไซค์ชนกัน ชี้ขับแทรกในช่องว่าถือเป็นการกระทำที่ประมาท พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีการแจ้งข้อความประมาทร่วม จากกรณีที่รถจักรยานยนต์พยายามพุ่งแทรกรถจักรยานยนต์ของแกร็บ ทำให้ทั้งสองจะชนกัน รวมถึงชนรถอีกคัน ซึ่งจักรยานยนต์คันแรกจะพยายามประคองรถเอาไว้ แต่โดนคันเร่งทำให้ชนเข้ากับรถสีขาวอีกคัน จนกลายเป็นคลิปไวรัลและมีการเผยแพร่ไปทั่วอินเตอร์เน็ตก่อนหน้านี้นั้น

พล.ต.ต. จิรสันต์ ชี้แจงว่าสาเหตุที่ได้ ทำการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ขับขี่รถจยย.ทั้งสองว่า “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ” เนื่องจาก พิจารณาแล้วเห็นว่าการขับขี่รถจยย. มีความผิดตามพรบ.ทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4)

“ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน” ซึ่งการขับขี่รถจยย.ไปตามช่องว่างของทางเดินรถที่เหลืออยู่ในขณะที่รถยนต์คันต่างๆ จอดรอเพราะรถติดกันมาก ถือเป็นการขับรถแซงขึ้นไปโดยขาดความระมัดระวัง ตามสมควร ซึ่งถือเป็นความประมาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปรับเงินทั้งสองคนคนละ 500 ส่วนรถยนต์ที่ ได้เจรจาค่าเสียหายกับเจ้าของรถยนต์ทั้งสองคันเรียบร้อย ตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป